วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เพื่อนสัตวแพทย์ ๔๙ ร่วมงานอาลัยหมอเปลี่ยว

เหลือรูปถ่ายไว้ดู ความไม่เที่ยง ความเปลี่ยนแปลง อันเป็นธรรมดา ธรรมะ ธรรมชาติ ของสรรพสิ่ง






























วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ข่าวด่วน ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของรัฐพล นาวา

แจ้งข่าวเพื่อนเรา
รัฐพล นาวา ได้ถึงแก่กรรมแล้ว
เมื่อคืนวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔
ศพตั้งบำเพ็ญกุศล ๓ คืน
ที่บ้านสารภี
ตำบลเชียงเคี่ยน
อำเภอเทิง
จังหวัดเชียงราย
ทำการฌาปณกิจ
ในวันอาทิตย์ที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔


วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

จดหมายถึงเพื่อนฉบับที่ ๒ เรื่องปรับเปลี่ยนสถานที่งานเลี้ยงรุ่น


เรียน หมอน้อย
        ต้องขออภัยที่ส่งเมล์ไปครั้งก่อนและแนบไฟล์ผิดไป ซึ่งเป็นการเตรียมการครั้งแรกๆ ว่าจะจัดกันที่เขื่อนสิริกิติ์และพักกันที่เรือนรับรองเขื่อนฯ   แต่ว่าช่วงที่เราจะจัดงานเขามีหน่วยงานอื่นจองล่วงหน้าแล้ว    และได้แก้ไขรายละเอียดในไฟล์แนบแล้ว   และกำหนดการจัดงานสังสรรค์ครั้งนี้ ในวันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2554  บนแพทัวร์เหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิต์ ลงแพที่บ้านท่าเรือ อ.ท่าปลา เวลาประมาณ 16.00 น. รบกวนให้หมอน้อยนำลงบล็อกแจ้งประชาสัมพันธ์ใหม่ ให้เพื่อน ๆ รับทราบกันด้วยครับ
        ขอบคุณมาก
        พงศพัศ จิตชู
เขียนที่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอุตรดิตถ์
                                                                       เลขที่ ๑๕๔ หมู่ที่ ๖ ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล
                                                                  จังหวัดอุตรดิตถ์  ๕๓๒๑๐  
                          วันที่   ๑๐   พฤศจิกายน  ๒๕๕๔
สวัสดี  เพื่อนสัตวแพทย์  ๔๙  ทุกท่าน
                 ตามที่เพื่อนสัตวแพทย์รุ่น ๔๙ (เชียงใหม่) ได้เสนอให้มีการจัดงานพบปะสังสรรค์เลี้ยงรุ่นสัตวแพทย์ ๔๙  ประจำปี ๒๕๕๔  โดยมอบหมายให้เพื่อนสัตวแพทย์ ๔๙ อุตรดิตถ์ เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน  นั้น
                 เพื่อน ๆ สัตวแพทย์ ๔๙ อุตรดิตถ์ ได้หารือร่วมกันแล้ว มีมติเห็นชอบว่าจะรับเป็นเจ้าภาพในการจัดสถานที่และการจัดเตรียมงานในการเลี้ยงพบปะสังสรรค์ของเพื่อน ๆ และครอบครัว   และเห็นสมควรกำหนดการเบื้องต้นไว้  ดังนี้
                 ๑. วันที่จะจัดงานเลี้ยงสังสรรค์  วันเสาร์ที่  ๑๐  ธันวาคม ๒๕๕๔  เพราะเป็นวันหยุดติดต่อกันหลาย วัน เราจะได้ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวสัตวแพทย์ ๔๙ กำหนดการ ดังนี้
- ถ้าหากเดินทางมาถึงอุตรดิตถ์ เราขอต้อนรับเพื่อน ๆ ณ บริเวณหน้าอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหักหน้าศากลางจังหวัดอุตรดิตถ์  เพื่อกราบสักการะและขอพรท่านพ่อพระยาพิชัย  และชมพิพิธภัณฑ์ดาบเหล็กน้ำพี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก  และเทียวชมสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง  เช่น กราบไหว้หลวงพ่อเพ็ชรวัดท่าถนน  พระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอุตรดิตถ์ให้ความเคารพอย่างยิ่ง แวะกราบไหว้พระแท่นศิลาอาสน์สถานที่ที่พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาโปรดสัตว์  หรือถ้าหากมีเวลาก็ไปเที่ยวชมวิถีชีวิตชาวลับแล ชมสวนลางสาด,ลองกอง,ทุเรียนหลงลับแล-หลินลับแล  และแวะชิมหมี่พัน,ข้าวพันผัก สินค้าโอท็อปที่ขึ้นชื่อของชาวลับแล    
- กลางวันเราจะพาเพื่อน ๆ และสมาชิก ไปชิมก๋วยเตี๋ยวโอ่งป้าน้อย บ้านปากสิงห์ ซึ่งได้รับการโหวต(จากเจ้าของพื้นที่) ว่าอร่อยที่สุดในเมืองมนุษย์ อร่อยขนาดไหนไปลองลิ้มกันให้ได้ 
- จากนั้นไปทัศนศึกษา ชมบรรยากาศศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเขื่อนดินช่องเขาขาด  และเที่ยวชมทัศนียภาพสันเขื่อนดินเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์  หรือไปเที่ยวชมทัศนียภาพยามเย็นอันงดงามยิ่งของสันเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งต้องเดินทางไปอีกประมาณ ๓๐ กม.
                  - เราจะเริ่มลงแพเกษิณีแพทัวร์ ที่บ้านท่าเรือ อำเภอท่าปลา เวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น. (บริเวณที่จะลงแพมีบริการที่จอดรถให้เพียงพอ) หลังจากนั้นจะล่องแพไปพักแรมบริเวณเกาะกลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ ที่มีน้ำเต็มอ่างจริง ๆ ในรอบหลายๆ สิบปี และจัดงานเลี้ยงสังสรรค์กันบนแพทัวร์ บนแพมีเครื่องนอนให้กับสมาชิกทุกคน หรือหากใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็เตรียมเต๊นท์มานอนรับลมหนาวเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์   ก็จะได้บรรยา กาศอีกแบบหนึ่ง  เมนูอาหารส่วนใหญ่จะเป็นเมนูปลาในอ่าง  เช่น  ปลาบึก  ปลากดคัง  ปลาเนื้ออ่อน ปลาซิวแก้ว  ฯลฯ  ใครอยากทานรสชาติแบบไหน โทรหรือเมล์มาล่วงหน้าได้ครับ  
๒. เช้าวันอาทิตย์ที่  ๑๑  ธันวาคม ๒๕๕๔  หลังจากลงแพแล้ว เราจะร่วมกันทำกิจกรรมอันเป็นสาธารณกุศล มอบเสื้อผ้าสิ่งของและทุนการศึกษาแก่เด็ก ๆ ในโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร   หากใครมีเสื้อผ้าที่ไม่ใส่แล้วจะนำมาบริจาคให้เด็ก ๆ ก็จะยินดียิ่ง และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเพื่อนๆ ผู้ล่วงลับไปแล้ว และแยกย้ายกันกลับ
                   เพื่อให้การจัดเตรียมงานพบปะสังสรรค์เพื่อนสัตวแพทย์ ๔๙ และครอบครัว ในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงขอให้เพื่อนๆ  ได้โปรดยืนยันที่จะมาร่วมงานพร้อมจำนวนสมาชิกครอบครัว  พร้อมเบอร์เสื้อรุ่น และค่าลงทะเบียนท่านละ/ครอบครัวละ 1,000 บาท โดยแจ้งมาที่

 ๑. คุณอรรณพ  เสือกระจ่าง  ปศุสัตว์จังหวัดอุตรดิตถ์ โทร. ๐๘-๑๙๗๓-๘๔๔๕
                   ๒. คุณนริศ  โภชนจันทร์  ปศุสัตว์อำเภอท่าปลา     โทร. ๐๘-๑๖๗๕-๐๕๘๔
                   ๓. คุณพรรณเลิศ  ศิริปาลกะ ปศุสัตว์อำเภอตรอน   โทร. ๐๘-๙๕๖๓-๕๖๐๐
                   ๔. คุณพงศพัศ  จิตชู  สัตวแพทย์ อ.เมืองอุตรดิตถ์   โทร. ๐๘-๑๓๒๔-๒๙๙๔
และขอให้เพื่อนได้ประสานงานแจ้งให้เพื่อนสัตวแพทย์ ๔๙ ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดเดียวกันกับท่าน ได้โปรดแจ้งราย ละเอียดและตอบกลับให้ทางเพื่อนสัตวแพทย์ ๔๙ อุตรดิตถ์ ทราบ ภายในวันที่   ธันวาคม  ๒๕๕๔
                   หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อนๆ  สัตวแพทย์ ๔๙ ทุกท่าน  จะเสียสละเวลาและพาครอบครัวมาพักผ่อนและจัดกิจกรรมร่วมกันที่จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยพร้อมเพรียงกัน   หากใครมีข้อเสนอหรือแนวคิดดี ๆ  เพื่อให้การจัดงานในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จตามเจตนารมณ์ของพวกเรา   ขอได้แจ้งที่เบอร์โทรศัพท์ของเพื่อน ๆ  ดังกล่าว  หรือทาง  Email  สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอุตรดิตถ์ pvlo_utd@dld.go.th  หรือที่ n_naris_p@hotmail.com   หรือที่ pongsa_vet49@yahoo.co.th   
                                                                       
 รักเพื่อน
สัตวแพทย์  ๔๙  อุตรดิตถ์











วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

บทความหลังเกษียนของอาจารย์อัมพวัน ตฤษณารมย์

เพื่อนหลายคนควยังจำได้อาจารย์ที่สอนเราตอนอยู่โรงเรียนสัตวแพทย์เชียงใหม่ (หายไปแล้ว) อาจารย์ผู้หญิงที่ทุมเทกับการเคี่ยวเข็ญสอนพวกเรา อย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยและรำคาญความเกเรของพวกเราตอนนี้ท่านเออรี่แล้วมีเรื่องเล่าลงในวารสารของศูนย์เหนือฯที่ทำงานท้ายสุดของท่าน เราเองก็เด็กเก่าศูนย์พอไปอ่านก็นำมาขยายต่อ..เผื่อเพื่อนๆจะได้อะไรดีๆบ้างนะครับ..หรือใครคิดถึงอาจารย์ก็ไปเยี่ยมทักทายท่านก็ได้ครับ..แต่ท่านพักที่ไหนเราไม่ทราบต้องถามเพื่อนๆที่เชียงใหม่แล้วละครับ

ร่วม 3 ปีแล้วที่ฉันได้ลาออกจากงานราชการตามโครงการเกษียณอายุราชการ
ก่อนกําหนด เมื่อพบคนรู้จักไม่ว่าจะเป็นญาติมิตรหรือผู้เคยร่วมงานมักถูกถามว่า..
ทําไมรีบลาออกก่อนเวลาตั้ง 5 ปี มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ออกมาทํา (งาน) อะไร
วันๆ ทําอะไรบ้าง เหงาไหม ถึงตอนนี้คิดว่าตัดสินใจถูกหรือผิด เป็นต้น
ฉันก็ตอบเท่าที่โอกาส เวลาและสิ่งแวดล้อมจะอํานวย หลายครั้งที่ฉันตอบได้ไม่จุใจ
จนกระทั่ง ฤดูลําไยเวียนมาอีกครั้งใน ปี 2554 นี้ อดีตผู้ร่วมงานได้นําลําไย
ที่อร่อยที่สุดมาเยี่ยมพร้อมกับความคิดจากอดีตผู้ร่วมงานท่านหนึ่งมาฝาก คือ ให้ฉันเล่าถึงชีวิตหลังเกษียณอายุ
ราชการให้ฟังหน่อย คงอยากเปรียบเทียบหรือใช้บริหารคนใกล้ตัว (ขอแซวหน่อย) พอทราบดังนี้ ฉันก็นึกสนุก
ตกปากรับคํา เมื่อบรรณาธิการข่าวสุขภาพสัตว์ภาคเหนือเห็นด้วย ฉันก็ขอลองดูสักครั้ง และขอให้ท่านได้ร่วม
ลอง .... อ่านเล่น ๆ ดู คงใช้เวลาไม่มากนัก
ก่อนจะตอบคําถามข้างต้น ขอย้อนความเล็กน้อย กล่าวคือ ฉันเคยขอเข้าโครงการเกษียณฯ มาครั้ง
หนึ่งเมื่อปี 2547 แต่ไม่ได้รับอนุมัติ ปี 2549 ฉันได้ขอลาออกแต่เพื่อนผู้หวังดีดึงไว้ (ยังนึกขอบคุณเพื่อนที่แสนดี
ท่านนั้นมาจนทุกวันนี้ เพราะจะเสียผลประโยชน์ด้าน กบข. เนื่องจากไม่มีโครงการเกษียณฯ ก่อนกําหนด
รองรับ) จนกระทั่ง ปี 2551 จึงประสบความสําเร็จในการขอเกษียณฯ ในโครงการดังกล่าว ปัจจุบันจึงมี
สถานภาพเป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับบํานาญด้วยเหตุที่ได้คิดจะเกษียณมาหลายปี ความคิดฉันจึงตกผลึก
และมีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจนานมาก เมื่อแรกที่ฉันคิดจะขอเกษียณฯ พี่ของฉันแนะนําให้เขียนข้อดี-ข้อเสีย
ดูก่อนแล้ววิเคราะห์ว่ารับได้หรือเปล่า หากจะต้องเสียอะไรบางอย่างไป ฉันได้พบว่า 
(1) ถึงเวลาที่ดวงตาของฉันควรได้พักอย่างจริงจังเสียที เพราะมันประท้วงมาหลายครั้งแล้ว เริ่มจาก
น้ําหล่อเลี้ยงลูกตาแห้ง วุ้นในตาเริ่มเสื่อม จนสุดท้ายมีอาการค่อนข้างรุนแรง ต้องตรวจเช็คอย่างละเอียด (โชค
ดีที่ไม่มีปัญหาความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดและเบาหวาน เรื่องจึงยังไม่บานปลาย) แต่กระนั้นความดันลูกตา
ก็สูงติดขอบ ในช่วง 3 ปีหลัง งานของฉันเน้นการเข้าสู่ระบบมาตรฐาน (ISO 17025) ทั้งเขียน อ่าน พิมพ์ และ
ตรวจทาน เกิดอาการแพ้คอมพิวเตอร์รุนแรง จนบางวันมองจอไม่ได้เลย
(2) เมื่อเป็น ส.ว. (ผู้สูงวัย) ทําให้ต้องรับงานบริหารเพิ่มขึ้น โดยส่วนตัวแล้วเบื่อมาก เห็นควรพิจารณา
กําจัดความเครียดด้วยการลาออกดีกว่า
(3) สมองสั่งการช้าลง ทําให้การคิด การเคลื่อนไหว การพูด การตัดสินใจ ตลอดจนความกระตือรือร้น
ความอยากรู้-อยากลอง และประสิทธิภาพความจําลดลง อาจก่อความรําคาญให้ผู้ร่วมงานได้
(4)  แม้ฉันไม่อยู่ ทีมงานที่เหลือก็สามารถปฏิบัติงานได้ ไม่มีปัญหา ช่วยประหยัดงบประมาณของรัฐได้
แม้จะบรรจุเจ้าหน้าที่เข้ามาใหม่
(5) ควรให้เวลากับตัวเองและญาติมิตร ที่ผ่านมา ทุกอย่างถูกจํากัดด้วยเวลาธุระส่วนตัวบางเรื่อง
จําเป็นต้องจบโดยสรุปไม่ได้ บางเรื่องถูกทําแบบให้พ้น ๆ ไป บางเรื่องยังไม่ได้จัดการ ฯลฯ การลาออกในวัยที่
ยังพอมีกําลังกาย-กําลังสมองคงจะดีกว่าทอดเวลาออกไป จะได้หยุดดูและพิจารณาตนเอง ทบทวนสิ่งที่ผ่านมา
วางแผนอนาคตที่เหลืออีกไม่มากนักและที่สําคัญ จะได้พักผ่อนและดูแลสุขภาพในบั้นปลายให้สามารถช่วย
ตัวเองได้นานเท่านาน
ส่วนข้อเสียที่ต้องรับเต็ม ๆ คือ รายรับที่หายไปประมาณครึ่งหนึ่ง ฉันก็คิดให้เป็นบวกเสียว่า ดีแค่ไหนที่
ได้เงินเดือนโดยไม่ได้ทํางาน ช่างโชคดีและควรพอใจเป็นอย่างยิ่ง กรณีนี้ เพื่อนคนหนึ่งบอกว่า เป็นข้าราชการนี้
ดีจังเลย เมื่อเกษียณไม่ทํางานก็ยังได้รับเงินเดือนอยู่ ฉันชี้แจงข้อเท็จจริงถึงข้อดีของการรับราชการว่า ที่ดีที่สุด
คือ งานราชการฝึกให้ข้าราชการประหยัดจนเป็นนิสัย เพราะเงินเดือนข้าราชการและงบประมาณของสํานักงาน
นั้นค่อนข้างจํากัดหากใช้โดยไม่ตรึกตรองให้ดี คงไม่พอใช้แน่ฉันทํางานราชการเต็มตัว วัน ๆ หมดไปอย่าง
รวดเร็ว จนคนแซวว่า ไม่มีเวลาใช้เงิน
ช่วงตัดสินใจก่อนยื่นเรื่องเข้าโครงการฯ ฉันก็ทดลองเกษียณฯ ก่อนเกษียณฯ จริง โดยลาพักผ่อน 10
วัน 2-3 วันแรก ฉันหยุดทุกสิ่ง พักผ่อนเต็มที่ วันที่ 4-6 รู้สึกรําคาญตัวเอง เซ็ง เบื่อ แต่พอ 3 วันสุดท้าย เริ่มมี
ทิศทางการดําเนินชีวิต จัดการตัวเองได้ค่อนข้างลงตัว รู้สึกดีขึ้น ๆ จนไม่อยากกลับไปทํางาน จนได้ผลสรุปว่า
ลาออกดีกว่าและแล้วก็เริ่มจดรายการที่อยากทําหลังเกษียณยาวเป็นหางว่าว แต่ขอสารภาพว่า จนบัดนี้ 3
ปีผ่านไป ไวเหมือนโกหก ยังทําได้ไม่กี่รายการ แถมเป็นรายการจิ๊บ ๆ หากมีโอกาสจะเล่าให้ฟังต่อ