วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ส่งความสุข ปีใหม่ ๒๕๕๔ และคำขอบคุณจากเพื่อนเจ้าภาพลำพูน

ขอส่งความสุขปีใหม่ให้ผองเพื่อนสัตวแพทย์ ๔๙ และครอบครัว ทั่วแคว้นแดนไทย ตลอดจนเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย จงประสบแต่ความสุข สมหวังคิดสิ่งใดที่ด้วยชอบประกอบด้วยคุณธรรม ก็ขอให้ได้สมปราถณาดังใจตลอดปีใหม่และตลอดไปครับ

โจกดีปี่ใม่เน้อ (กำลังบ่ดีบอกเสริฐเน้อมีไวอากร้า ..ฮ่าฮ่า..)อายุมั่นขวัญยืน
หลับหื้อได้เงินหมื่นตื่นหื้อได้เงินแสน( แต่..สุรพล มักน้อยพอเพียงขอเป็น ปศต. ห้าพันปอละ....)คลาดแคล้วภัยอันตราย (เคลื่อนย้าย..ขออย่าเจอด่านตรวจเจอเอฟ ..อิอิ..ฟ้าเจ้าพ่อตลาดวัวแม่ลาว..)ขอหื้อบุญก้ำบุญจู (จะบ่ได้ย่างจ้าอย่างเปลี่ยว.) และเพื่อนลำพูนที่นำโดยอินทอน ไชยมาลา อาคม มโนชมพู ถาวร ไชยวังราษฏร์ และรวิกร สาคำ ขอขอบคุณน้ำใจเพื่อนเชียงรายที่ร่วมบริจาคช่วยกิจกรรมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เพื่อน บริจาคสิ่งของแก่เด็กๆที่โรงเรียนเรือนแพที่อุทยานก้อ จำนวน ๕๐๐๐ บาท เพื่อนเรารักมั่นอยู่ในไม่สำคัญเรายังผูกพันธ์ไม่เสื่อมคลาย
ม่วนแต้ๆเน้อ..สุขสันต์วันปี๋ใหม่ทุกๆท่านครับเพื่อน
นายอำนาจ พุฒทองผอ.กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเทศบาลเมืองชุมแสง อ.ชุมแสงจ.นครสวรรค์ 60120Tel,Fax.056-282160
มีความสุขกั๋นแต๊ๆ..ผองเพื่อน
Form..Moon grass in my hearh..

วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

การพบปะสังสรรค์ สัตวแพทย์๔๙ ประจำปี๒๕๕๓

สี่สิบเก้า ก้าวมา ในครานี้
อย่างเข้าปี ยี่สิบเจ็ด เด็ดหนักหนา
มาเลี้ยงรุ่น อุ่นไอรัก ประจักษ์มา
ล่องธารา สังสรรค์ หรรษาดี
ให้สนุก สุขสันต์ อย่างบรรเจิด
เป็นบ่อเกิด ความรัก ในศักดิ์ศรี
49 นั้นเรารัก สามัคคี
ขอยินดี มาร่วมงาน ทุกท่านเอย
เสียงนุ่มๆของพิธีกรมืออาชีพคุณหมออดุยล์ สุขแสวง กล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ บนเรือนแพธารทิพย์ที่เราพากันมาร่วมสังสรรค์แบบส่วนตัวมากๆหลังจากเดินทางมาแสนไกลจากทุกทิศ หายเหนื่อยกับบรรยากาศธรรมชาติ สายน้ำขุนเขา
ภาพบรรยากาศการพบกันของเพื่อนๆ เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ที่เรือนแพธารทิพย์ ทะเลสาปก้อ วนอุทยานแม่ปิง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

ตากล้องมืออาชีพ อิอิ
ร้องเพลงนกน้อยในไร่ส้ม

พระเอกของงานคราวนี้ต้องยกให้คุณหมออรรณพ ท่านปอศอจอคนใหม่ เหนือความคาดหมาย ซึ่งหมอดุลย์เขียนกลอนว่า
เพื่อนก้าวไป ดังใจ ที่มุ่งหวัง
เปี่ยมพลัง ตั้งจิต ที่หมั่นหมาย
จงก้าวไป ด้วยท่วงที ที่พริ้งพราย
เพื่อนทั้งหลาย พลอยยินดี ที่เจริญ
คุณอรรณพ เสือกระจ่าง กระจ่างแล้ว
ที่เพื่อนแก้ว ก้าวไป ได้สรรเสริญ
ปอศอจอ คนใหม่ ให้จำเริญ
ขอชวนเชิญ ปรบมือให้ จากใจจริง
เนื่องจากภาพมีจำนวนมากผมก็ย่อส่วนคัดแบ่งเป็น 4ชุด ลองคลิกไปดูนะครับ มีอะไรจะแนะนำก็เชิญครับ

ภาพชุดแรกผมนำขึ้นเป็นชุดตอนกลางวันตั้งแต่เดินทางเข้าเขตอำเภอลี้จุดนัดหมายเป็นภาพที่ขนาดใหญ่อาจจะโหลดได้ช้า คลิกที่นี่ครับ

ภาพชุดที่ ๒ ครับบนแพกลางคืน คลิกดูเลยครับ

ภาพชุดที่ ๓ ขากลับจากแก่งสร้อยขึ้นฝั่งแยกย้ายกลับบ้าน

และภาพชุดหวานซึ้งจากฝีมือลั่นชัตเตอร์หมอดวงจันทร์ครับผม

คนกอดมีรอยยิ้มเนาะ คนถูกกอดทำเขิน อิอิอิ
วันนี้หมอแสงวรรณ์มาแวะที่ร้าน เอาเอสดีการ์ดมาให้บอกว่าช่วยส่งให้หมอโชตินรินทร์หน่อย มีภาพน่ารักๆสดใส สายัญเขาขอมาว่างั้นคลิกชมและโหลดเอาไปใช้ได้เลยครับพร้อมกีบวิวสวยๆของแมกไม้ขุนเขา ซอกลืบหินผา หินงอกหินย้อย ถ้าจะดูเพิ่มทั้งชุดคลิกที่ข้อความหรือที่รูปก็ได้ครับ

อ่อ...แล้วอย่าลืมแวะไปฟังเพลงนกน้อยในไร่ส้มกับ รับพรพระที่เวบของคุณหมอต้นด้วยนะครับ.>>คลิกที่นี่>>

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ขอแสดงความยินดีกับท่านปศจ.คนใหม่...


จากหมอจ่า
สัตวแพทย์รุ่น 49 เชียงใหม่ กรมปศุสัตว์ ขอแสดงความยินดีกับหมออณรรพ เสือกระจ่าง หัวหน้าด่านฯอุตรดิตถ์ ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปศุสัตว์จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อนๆดีใจด้วยครับ

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความคิดเห็นจาก...

..หมอชายน้อย..
โทรมาแจ้งว่า..เพื่อนๆที่เดินทางผ่านถึงเชียงใหม่เย็นๆที่ สสอ.5 มีงานเลี้ยงรับท่านปศุสัตว์เขตคนใหม่ คุณหมอเล็ก(น.สพ.ไพโรจน์ เองแสงชัย)เย็นวันที่ 10 ธันวาคม 2553 ใครสนิทคุ้นเคยก็ไปร่วมต้อนรับครับ ก่อนจะเลยไปก้ออ ลำพูน
..หมอจ่าครับ...
..ดีใจมากๆครับที่เพื่อนสัตวแพทย์ กรมปศุสัตว์ รุ่น 49มีใจสามัคคี รักกัน หมออินทรและคู่ชีวิตสงสัยจะเหนื่อย หมอน้อย(สุพล ปานพาน)ก็เหนื่อยเพราะต้องช่วยด้าน ไอ ที (ครับ เพ้อเจ้อไปมากแล้ว)นักเรียนสัตวแพทย์ กรมปศุสัตว์ รุ่น 49 มาร่วมพลังสามัคคี ทำบุญให้เพื่อน ๆและมีชีวิตที่ดีของท่านและครอบครัว ต่อไป

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ข่าวด่วนจากอินทอน ไชยมาลา


รายการแพ็คเก๊ตทัวร์ ครอบครัวสัตวแพทย์ ๔๙ ทุกท่าน เราจะพาท่านลงแพสำราญ ล่องแม่น้ำปิงอุทยานแห่งชาติแม่ปิง กราบนมัสการองค์พระธาตุแก่งสร้อย สถานที่สำคัญต่างๆและร่วมบริจาคเสื้อผ้า ผ้าห่มขนม หนังสือการ์ตูน ให้กับนักเรียนที่โรงเรียนแพก้อ (นักเรียน ชาวเขายากจนไม่มีที่เรียนตั้งโรงเรียนบนแพ ขอเพื่อนๆช่วยนำเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้ สภาพดีหรือหนังสือการตูน อื่นๆ) ท่านจะได้พักผ่อน ท่ามกลางธรรมชาติ สายน้ำ สายลม สายหมอก หุบเขา ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ที่ท่านประทับใจจนลืมไม่ลง พร้อมอาหารเลิศรสจากกุ๊กฝีมือการันตีด้วยโล่ประกาศกิติคุณ ประกวดอาหารอันดับ ๒ ของเชียงใหม่
กิจกรรม
เวลา ๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น. ทำบุญถวายสังฆทานให้เพื่อนๆที่เสียชีวิตไปแล้วที่วัดพระธาตุ ๕ ดวง ซึ่งเป็นจุดรวมพล เสร็จจากถวายสังฆทานเวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น.ออกเดินทางไปลงแพเวลา ๑๕.๐๐-๑๖.๐๐น.
หมายเหตุ
ขอเพื่อนๆทุกคนกรุณาเดินทางมาถึง ท่าลงแพตามกำหนดเวลาด้วยนะครับ เวลา สี่โมงเย็นครับ โทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ หนั่น อินทอน ไชยมาลา ๐๘๑-๙๕๑๓๑๐๙ และที่อี๋ ชัยวัฒน์ ศรีทองอินทร์ โทร ๐๘๑-๙๙๒๒๒๐๕

วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การเดินทางไปกราบครูบาชัยยะวงศาพัฒนาที่วัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน

ไปงานพบปะกันที่ลี้ ต้องไม่ลืมไปที่นี่ด้วยนะครับ ไม่ไปหรือเจ้าภาพไม่พาไปโกรธมากเลย

ภาพการเดินทางไปกราบครูบาชัยยะวงศาพัฒนาที่วัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน สรีระสังขารของครูบาวงศ์ท่านยังคงสภาพเดิมอย่างงดงามไม่เน่าเปื่อย เมื่อครั้งหลวงปู่ยังมีชีวิต ท่านได้ชื่อว่าเป็นครูบาอาจารย์รูปหนึ่งที่มีพระธาตุมาก และ ในพระวิหารของครูบาวงศ์นี้ก็มีพระธาตุอยู่มากมายให้พวกเราได้กราบและชื่นชม


ตู้พระธาตุของครูบาชัยยะวงศาพัฒนา มีทั้งหินพระธาตุที่มีพระธาตุของพระปัจเจกพุทธเจ้า และ พระอรหันตธาตุฝังอยู่ พระธาตุพระสีวลี และ พระอรหันตธาตุองค์อื่นๆอีกมากมาย

จะสังเกตุเห็นได้ว่าหินพระธาตุที่แกะสลักเป็นรูปพระสมเด็จนั้น องค์พระธาตุงอกขาวคลุมเต็มไปหมดอย่างชัดเจน

องค์พระธาตุพระสีวลีงอกออกมามากมายเห็นเป็นก้อนขาว

จะเห็นได้ว่าองค์พระธาตุมีลักษณะเป็นชั้นๆซ้อนกันอยู่ซึ่งก็คือลักษณะการงอกเพิ่มขนาดขององค์พระธาตุที่จะขยายออกด้วยก็งอกเป็นชั้นๆอย่างที่เห็นได้ในภาพ


รอยพระพุทธบาทห้วยต้ม ในวิหารครอบรอยพระพุทธบาท ที่ครูบาชัยวงศาพัฒนาใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 34 ปี

ตามประวัติกล่าวว่า เมื่อครั้งพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดเวไนยสัตว์ในที่ต่างๆ ครั้งหนึ่งพระองค์เสด็จมาถึงดงไม้ตาลแล้วขึ้นประทับบนจอมดอยแห่งหนึ่ง เรียกว่าดอยนางพี่ได้ประทานพระเกศาธาตุ 1 เส้นให้พวกละว้าที่มาเฝ้าอยู่ ณ ที่นั้นบรรจุไว้ในพระเจดีย์ ต่อมาเรียกว่า ดอยนางนอนจอมแจ้ง (เพราะเสด็จมาถึงที่นั่นตอนรุ่งเช้า) ต่อมามีพญาเมืองเถิน พ่อฤาษีและหมอพรานอีก 8 คนหาบเนื้อสดเดินมาพบเข้าไม่มีอะไรจะถวายจึงเอาเนื้อมาถวาย พระพุทธองค์ก็ไม่ฉันพวกพรานจึงเอาเนื้อไปกองรวมกันไว้ พวกละว้าที่อยู่ในบริเวณนั้นจึงไปต้มข้าวมาถวาย สมเด็จพระจอมไตรจึงทรงรับมาฉันและให้ศีลให้พรพวกละว้า พระพุทธองค์จึงทรงประทับรอยพระบาทไว้และทรงรับสั่งว่า "ถ้าผู้ใดปฏิบัติได้ตามที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนก็เหมือนอยู่ใกล้ ถ้าไม่ปฏิบัติก็เหมือนอยู่ไกล" จากนั้น จึงทรงประทานนามที่นั่นว่า "ห้วยต้มข้าว" ต่อมาเรียกเพี้ยนมาเป็น "ห้วยต้ม" ซึ่งเป็นชื่อวัดพระพุทธบาทห้วยต้มในปัจจุบัน

พระเจดีย์สำหรับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุภายในวัด

บ้านห้วยต้มเป็นหมู่บ้านของชาวเขาเผ่าปกาเกอะญอหรือกะเหรี่ยงทั้งหมด 600 หลังคาเรือนมีคนอาศัยอยู่เกือบ 3,000 คนซึ่งพวกเขาได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านห้วยต้มเมื่อปี 2514 หลังจากที่ราชการ สร้างเขื่อนยันฮี หรือ เขื่อนภูมิพล ขึ้น ชาวเขาเหล่านี้ไม่มีที่ทำกิน การอพยพเข้ามาอยู่ในระยะแรกมีความยากลำบากมาก เพราะพื้นที่บางส่วนเป็นหินศิลาแลง และสภาพทั่วไป มีความแห้งแล้ง ชาวกะเหรี่ยงบางคนไม่สามารถทนอยู่ได้ต้องอพยพไปอยู่ในที่ใหม่ พวกที่ทนอยู่ได้ก็ตั้งหน้าทำงานต่อสู้กับอุปสรรคอันแห้งแล้งของธรรมชาติ

ครูบาชัยยะวงศาพัฒนาหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ครูบาวงศ์ ท่านเป็นผู้หนึ่งซึ่งมีส่วนสำคัญในฐานะที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านห้วยต้ม ท่านสามารถสอนธรรมะให้กับชาวเขาทั้งหมดในหมู่บ้านเลิกฆ่าสัตว์เพื่อกินเนื้อ และ เป็นผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ทุกชนิดตามอย่างครูบาวงศ์ นอกจากนั้นท่านยังเป็นพระนักพัฒนาและนักก่อสร้างอีกด้วย ชีวิตในวัยเยาว์ของท่านมีความลำบากยากแค้น ท่านเคยเล่าว่าเมื่อายุประมาณ 3 ขวบท่านชอบเอาดินมาปั้นแต่งเป็นบ้าน ปั้นวัว ปั้นควายและพระพุทธรูป เอาข้าวเปลือกมตบแต่งเป็นพระเนตรแล้วก็กราบไหว้เอง จนเมื่ออายุได้ประมาณ 6 ปีพอที่จะช่วยโยมพ่อทำงานได้ มีอยู่ครั้งหนึ่งโยมพ่อพาลูกๆออกไปทำไร่ โยมแม่ได้นำอาหารกลางวันมาส่งให้ หลังจากที่กินอาหารเรียบร้อยแล้วโยมพ่อจึงอบรมสั่งสอนลูกๆว่า "ตอนนี้พ่อแม่ก็อดลูกทุกคนก็อดแต่ทุกคนอย่าท้อแท้ใจ ค่อยทำบุญไปเรื่อยๆ บุญมีภายหน้าก็จะสบาย"


บริเวณพระเจดีย์ชเวดากอง(จำลอง) ที่ครูบาชัยยะวงศาท่านได้ริเริ่มก่อสร้างขึ้น พระเจดีย์นี้มีความงดงามอย่างยิ่งพรั่งพร้อมไปด้วยศรัทธาของชาวบ้านที่จัดเวรยามเฝ้าพระเจดีย์อย่างดีและคอยเตือนให้สาธุชนที่จะเข้าไปกราบพระธาตุเจดีย์ไม่นำเนื้อสัตว์และเครื่องดองของเมาใดๆเข้าไปในเขตพระเจดีย์อย่างเข้มแข็ง

ความงดงามในยามเย็นที่เราได้เข้าไปกราบพระธาตุเจดีย์อันงดงามที่ประดิษฐานอยู่ท่ามกลางป่าเขาอันห่างไกล แต่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาจากเหล่าสาธุชนที่ได้มาร่วมก่อสร้างพระเจดีย์แห่งนี้ ดังที่จะเห็นได้จากความงดงามที่ไม่อาจบรรยายได้เป็นตัวอักษร ที่เห็นอยู่นี้ ยังความปลื้มปิติ และ ความสุขอันสงบยิ่งในใจของทุกคนที่ได้มาเยือนวัดพระบาทห้วยต้มในครั้งนี้

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เพื่อนเยี่ยมเพื่อนที่เชียงราย

อุดม มาส่งลูกชายนายโอปอ เข้าหอที่ มหาวิทยาลัย แม่ฟ้าหลวง แวะมาเยี่ยมผู้เขียนที่ร้าน เสียดายไม่ได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ก็ย้ำว่า ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ เราไปร่วมงานสังสรรค์เราชาวสัตวแพทย์๔๙ ที่อุทยานแม่ปิง (ก้อ)แน่นอน แล้วเจอกันถ้าเจ้าภาพไม่เลื่อนเสียก่อน

เราแก่แล้วหน้าตาก็ ครึ่งร้อยแล้ว ส่วนเพื่อนดมยังเหมือนเก่านะครับ

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แจ้งข่าวความก้าวหน้ากิจกรรมพบเพื่อนเก่าสัตวแพทย์49 ที่ลี้ ลำพูน

จากแผนที่เพื่อนต้องวางแผนการเดินทางให้ดีนะครับหากมาจากเขต๖ ก็เข้าที่อำเภอเถินนะครับ ส่วนทางลำปางจะเข้าที่เกาะคาก็ได้ เชียงใหม่ เชียงรายก็เข้าทางลำพูน แม่ฮ่องสอนก็ลัดออกทางฮอดเข้าดอยเต่าทะลุลี้ไปเล้ย..

แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์กิจกรรมของสัตว์แพทย์ รุ่น 49

เพื่อนสัตว์แพทย์ รุ่น 49 กรมปศุสัตว์ ทุกท่าน ในวันที่ 11 ธันวาคม 2553 เชิญพบปะสังสรรค์ ที่จังหวัดลำพูน ณ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง ตำบลก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน พาครอบครัว มาพักผ่อน ท่องเที่ยวชมธรรมชาติ ท่ามกลางหุบเขา ชมทะเลหมอกยามเช้า ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ความสวยงามตาม ธรรมชาติ ที่ท่านจะประทับใจไม่มีวันลืม...

แพยนต์ นี้ มีความกว้างขวาง ห้องน้ำ ห้องนอน และห้องจัดเลี้ยงสังสรรค์ และมีคาราโอเกะและพร้อมด้วยการอำนวยความสะดวกอย่างพร้อมเพียง แพยนต์นี้มีความสามารถบรรทุกคน ได้ประมาณ 250 คน มีความปลอดภัยสำหรับเด็กและผู้ใหญ่

รายการอาหาร

มีอาหารให้ทุกท่าน 3 มื้อ

1 มื้อเย็นที่ 11 ธันวาคม 53

2. มื้อเช้าที่ 12 ธันวาคม 53

พร้อม กาแฟ, โอวัลติน

3. มื้อกลางวันที่ 12 ธันวาคม 53

ค่าใช้จ่าย

- ครอบครัวละ ประมาณ 2,000 2,500 บาท

ระยะเวลาแพยนต์

- จากฝั่ง ถึง อุทยานแก่งสร้อย ใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง

- จากอุทยานแก่งสสร้อย ถึง ฝั่ง ใช้เวลา 4 ชั่วโมง

จุดรวมพล

- ก่อนเที่ยงวัน ที่ เจดีย์ ชะแวงดากองจำลอง ( พระเจดีย์ศรีปิงชัย)

อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน วันที่ 11 ธันวาคม 2553 เวลา 13.30 น เคลื่อนที่ออกจากจุดนัดรวมพล ถึงอุทยานแห่งชาติ ตำบล ก้อ เวลา ประมาณ 14.20

ลงแพ

เวลา 15.00 น ถึง 15.30 น

แพเคลื่อนออกจากฝั่ง

เวลา 15.30 น เดินทางไป อุทยานแห่งชาติ แก่งสร้อย ถึง เวลาประมาณ 19.00 น ช่วงเวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงครึ่ง ให้ทำธุระส่วนตัว ตามสะดวก

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การพบกันของเพื่อนรุ่นแรกและรุ่นล่าสุด

สวัสดิ์ หอมนาน เพื่อนสัตวแพทย์๔๙ที่ลาออกรุ่นแรก และสุรพล บุญแปลง ที่ลาออกคนล่าสุด บังเอิญมาพบกันที่ร้านอาหารมุมคนเมือง ภาพดีๆอย่างนี้มีครั้งเดียวรีบกดชัตเตอร์ทันที่ ส่วนสองภาพข้างล่างก็พบเส้นทางชีวิตที่มีความสุขคนละแบบดูจากแววตาสีหน้ามีความสุขจริงๆ
ล่าสุดเพื่อนดวงจันทร์วันตุลา ใจจันทร์จริง ได้เห็นรูปเพื่อนแล้ว อุทานมาทางอีเมลล์สั้นๆว่า...ขอย...

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

ไปแล้วเพื่อนเราสุรพล บุญแปลง ไปสู่เส้นทางอิสระแห่งชีวิต

เพื่อนเราสุรพล บุญแปลง ที่มีฉายาที่เพื่อนๆล้อว่าสางเขียว ตัดสินใจเกษียณราชการก่อนกำหนดแล้วปีนี้ วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๓ ไปร่วมเลี้ยงแสดงความยินดีมุทิตาจิตกันที่เชียงใหม่ มีภาพมาฝากกัน เราลองกระชิบถามสุรพลแล้วว่าออกไปแล้วจะทำอะไร เพื่อนบอกว่าจะไปทำค้าขายของเล็กๆน้อยๆ ที่บ้านแฟนที่เชียงแสน เพื่อนๆไปแอ่วสามเหลี่ยมทองคำก็แวะหาได้นะครับเพื่อนๆเราแก่ไปมากครับแต่ก็ดูดีมีราศีสดใส บนแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
สุพล จำแลง ประเสริฐ สุรพล และประเดือนตามลำดับครับ เห็นนิ่มแว๊บๆๆไม่ทันกดชัตเตอร์
อดุลย์ ที่เป็นขาประจำเสียแล้วสำหรับโฆษก เสียงสำเนียง เมืองปนกลาง สร้างสรรบรรยากาศความเป็นกันเอง
บรรดาท่านที่เกษียรอายุดูเอาเอง มีท่านรองผีศิริวัฒน์ ท่านผอ.อิทธิพล พี่หมอตุ้ม เป็นต้น
ว่าที่ ปศจ.สองคนมาปะทะคารมกัน ดูสิว่าใครจะเป็น ปอศอจอก่อนกัน อิอิ ๕๕๕
ประเสริฐ สุกิจและสุทัศน์ นั่งชดน้ำเปล่า
สุทัศน์ สุกิจ น้องยวงศรี(ศูนย์ฯเหนือ) ถาวร สุพล และหมอนรงค์ชัย(ไช้) เอไอเอ เคยทำงานร่วมกันที่ศูนย์เหนือ
ประเสริฐเปิดห้องให้สุรพลนอน พักผ่อนก่อนงานเลี้ยงจะเริ่ม เอาแรงไว้ก่อน(..ไผนอนก่อนได้เป็นเมีย..5555)
โอ๋จักริน ก็มา ทอสอคนขับรถให้พี่ตุ้ม ปศจ.พะเยา
จ่าก็มาร่วมต้อนรับเพื่อนฝูง ตามประสาเจ้าของพื้นที่
จ่า เจริญกับสุกิจ ความจริงมีเพื่อนอีกเรามองหาได้ไม่ทั่ว เช่น หัวหน้าเด่น สัจจะ อัตตศิริ และท่านปศุสัตว์อำเภอสบเมยราชันย์ มณีธร ท่านปศุสัตว์อำเภอแม่สะเรียง รังสิทธิ ศิริคำ