วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

The Sound Of Silence


The Sound of Silence - Simon & Garfunkel


สวัสดีความมืดเพื่อนเก่า
เรามาทักทายกันอีกหน
ภาพฝันคืบคลานมาอย่างแยบยล
เมล็ดพันธุ์ฝันหล่นฝังในจินตนาการ

ยังคงอยู่อย่างนั้น
เสียงแห่งความเงียบงันยังขับขาน
เดินลำพังในฝันอันเนิ่นนาน
ผ่านถนนแคบแอบแสงสลัวจากเสาไฟ

ห่อห่มตัวหนีห่างความหนาวชื้น
ยืนตะลึงจากแสงวาบสว่างไสว
แยกคืนและคั่นวันออกไป
และนั่นไงสัมผัสเสียงอันเงียบงัน

ผู้คนมากมายภายใต้แสงอันว่างเปล่า
ได้ยินคำบอกเล่าโดยไม่หัน
เสวนาโดยไร้คำพร่ำรำพัน
ไม่ปันเสียงประพันธ์เพลงบรรเลงใจ

ไม่มีใครกล้าส่งเสียงผ่านเสียงเพรียก
ฉันกู่ก้องร้องเรียก “ผู้ไม่รู้อะไร จะโง่ไปถึงไหน
ความเงียบงันดั่งมะเร็งกำเริบเติบโตไป
จับมือฉันไว้ ตั้งใจฟัง อาจสอนคน”

คำฉันคล้ายสายฝนหล่นเพียงแผ่ว
ดั่งเสียงแก้วหล่นร่วงจากเวหน
สะท้อนเสียงก้องกังวานผ่านเวียนวน
ไม่ผ่านพ้นห้องแห่งเสียงอันเงียบงัน

ผู้คนก้มลงกราบกล่าวภาวนา
ต่อหน้าพระเจ้าเขาสร้างฝัน
วาบแห่งแสงสัญลักษณ์จักเตือนกัน
คำแห่งความหมายนั้นหาได้จากที่ใด

ความรัักความหมายนั้นหาได้ในทุกที่
ขอแค่มีดวงใจที่เปิดไว้
บนท้องถนนหรือในห้องมองออกไป
มีอยู่ในเสียงกระซิบเพลงบทแผ่วอันเงียบงัน

.........................................

เพลงนี้ตอนแรกอยู่ในอัลบั้มเปิดตัว
ของ Simon และ Garfunkel
แต่ตอนนั้นขายได้แค่สองพันแผ่นเท่านั้น
ทั้งสองคนก็แยกย้ายกัน
หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จ

แต่ค่ายเพลงของพวกเขาเอาเพลงนี้มาืำทำใหม่
โดยใ่ส่เสียงเครื่องดนตรีเข้าไปมากขึ้น
ทำให้เพลงนี้กลับมาฮิตอย่างรวดเร็ว
Simon และ Garfunkel กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
และมีชื่อเสียงโ่ด่งดังไปทั่วโลก
ด้วยท่วงทำนองและความหมายในบทเพลง
ในหลายๆ เพลงที่พวกเขาแต่งและร้อง
อย่างเพลง Sound of the silence ก็เช่นกัน
เราสามารถแปลความหมายออกไปได้หลากหลาย
มีการตีความออกไปได้หลายๆ แบบ

นี่ก็เป็นเพลงที่ตูชอบที่สุดเพลงนึง
เพราะรู้สึกว่ามันมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ในเสียงเพลง
ก็ขอให้มีความสุขกับเสียงเพลงด้วยกันนะครับ
แล้วท่านนี้ใครเอ่ยจำกันได้ไหม?


ไม่มีความคิดเห็น: