วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เพื่อนเยี่ยมเพื่อนที่เชียงราย

อุดม มาส่งลูกชายนายโอปอ เข้าหอที่ มหาวิทยาลัย แม่ฟ้าหลวง แวะมาเยี่ยมผู้เขียนที่ร้าน เสียดายไม่ได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ก็ย้ำว่า ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ เราไปร่วมงานสังสรรค์เราชาวสัตวแพทย์๔๙ ที่อุทยานแม่ปิง (ก้อ)แน่นอน แล้วเจอกันถ้าเจ้าภาพไม่เลื่อนเสียก่อน

เราแก่แล้วหน้าตาก็ ครึ่งร้อยแล้ว ส่วนเพื่อนดมยังเหมือนเก่านะครับ

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แจ้งข่าวความก้าวหน้ากิจกรรมพบเพื่อนเก่าสัตวแพทย์49 ที่ลี้ ลำพูน

จากแผนที่เพื่อนต้องวางแผนการเดินทางให้ดีนะครับหากมาจากเขต๖ ก็เข้าที่อำเภอเถินนะครับ ส่วนทางลำปางจะเข้าที่เกาะคาก็ได้ เชียงใหม่ เชียงรายก็เข้าทางลำพูน แม่ฮ่องสอนก็ลัดออกทางฮอดเข้าดอยเต่าทะลุลี้ไปเล้ย..

แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์กิจกรรมของสัตว์แพทย์ รุ่น 49

เพื่อนสัตว์แพทย์ รุ่น 49 กรมปศุสัตว์ ทุกท่าน ในวันที่ 11 ธันวาคม 2553 เชิญพบปะสังสรรค์ ที่จังหวัดลำพูน ณ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง ตำบลก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน พาครอบครัว มาพักผ่อน ท่องเที่ยวชมธรรมชาติ ท่ามกลางหุบเขา ชมทะเลหมอกยามเช้า ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ความสวยงามตาม ธรรมชาติ ที่ท่านจะประทับใจไม่มีวันลืม...

แพยนต์ นี้ มีความกว้างขวาง ห้องน้ำ ห้องนอน และห้องจัดเลี้ยงสังสรรค์ และมีคาราโอเกะและพร้อมด้วยการอำนวยความสะดวกอย่างพร้อมเพียง แพยนต์นี้มีความสามารถบรรทุกคน ได้ประมาณ 250 คน มีความปลอดภัยสำหรับเด็กและผู้ใหญ่

รายการอาหาร

มีอาหารให้ทุกท่าน 3 มื้อ

1 มื้อเย็นที่ 11 ธันวาคม 53

2. มื้อเช้าที่ 12 ธันวาคม 53

พร้อม กาแฟ, โอวัลติน

3. มื้อกลางวันที่ 12 ธันวาคม 53

ค่าใช้จ่าย

- ครอบครัวละ ประมาณ 2,000 2,500 บาท

ระยะเวลาแพยนต์

- จากฝั่ง ถึง อุทยานแก่งสร้อย ใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง

- จากอุทยานแก่งสสร้อย ถึง ฝั่ง ใช้เวลา 4 ชั่วโมง

จุดรวมพล

- ก่อนเที่ยงวัน ที่ เจดีย์ ชะแวงดากองจำลอง ( พระเจดีย์ศรีปิงชัย)

อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน วันที่ 11 ธันวาคม 2553 เวลา 13.30 น เคลื่อนที่ออกจากจุดนัดรวมพล ถึงอุทยานแห่งชาติ ตำบล ก้อ เวลา ประมาณ 14.20

ลงแพ

เวลา 15.00 น ถึง 15.30 น

แพเคลื่อนออกจากฝั่ง

เวลา 15.30 น เดินทางไป อุทยานแห่งชาติ แก่งสร้อย ถึง เวลาประมาณ 19.00 น ช่วงเวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงครึ่ง ให้ทำธุระส่วนตัว ตามสะดวก

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การพบกันของเพื่อนรุ่นแรกและรุ่นล่าสุด

สวัสดิ์ หอมนาน เพื่อนสัตวแพทย์๔๙ที่ลาออกรุ่นแรก และสุรพล บุญแปลง ที่ลาออกคนล่าสุด บังเอิญมาพบกันที่ร้านอาหารมุมคนเมือง ภาพดีๆอย่างนี้มีครั้งเดียวรีบกดชัตเตอร์ทันที่ ส่วนสองภาพข้างล่างก็พบเส้นทางชีวิตที่มีความสุขคนละแบบดูจากแววตาสีหน้ามีความสุขจริงๆ
ล่าสุดเพื่อนดวงจันทร์วันตุลา ใจจันทร์จริง ได้เห็นรูปเพื่อนแล้ว อุทานมาทางอีเมลล์สั้นๆว่า...ขอย...

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

ไปแล้วเพื่อนเราสุรพล บุญแปลง ไปสู่เส้นทางอิสระแห่งชีวิต

เพื่อนเราสุรพล บุญแปลง ที่มีฉายาที่เพื่อนๆล้อว่าสางเขียว ตัดสินใจเกษียณราชการก่อนกำหนดแล้วปีนี้ วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๓ ไปร่วมเลี้ยงแสดงความยินดีมุทิตาจิตกันที่เชียงใหม่ มีภาพมาฝากกัน เราลองกระชิบถามสุรพลแล้วว่าออกไปแล้วจะทำอะไร เพื่อนบอกว่าจะไปทำค้าขายของเล็กๆน้อยๆ ที่บ้านแฟนที่เชียงแสน เพื่อนๆไปแอ่วสามเหลี่ยมทองคำก็แวะหาได้นะครับเพื่อนๆเราแก่ไปมากครับแต่ก็ดูดีมีราศีสดใส บนแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
สุพล จำแลง ประเสริฐ สุรพล และประเดือนตามลำดับครับ เห็นนิ่มแว๊บๆๆไม่ทันกดชัตเตอร์
อดุลย์ ที่เป็นขาประจำเสียแล้วสำหรับโฆษก เสียงสำเนียง เมืองปนกลาง สร้างสรรบรรยากาศความเป็นกันเอง
บรรดาท่านที่เกษียรอายุดูเอาเอง มีท่านรองผีศิริวัฒน์ ท่านผอ.อิทธิพล พี่หมอตุ้ม เป็นต้น
ว่าที่ ปศจ.สองคนมาปะทะคารมกัน ดูสิว่าใครจะเป็น ปอศอจอก่อนกัน อิอิ ๕๕๕
ประเสริฐ สุกิจและสุทัศน์ นั่งชดน้ำเปล่า
สุทัศน์ สุกิจ น้องยวงศรี(ศูนย์ฯเหนือ) ถาวร สุพล และหมอนรงค์ชัย(ไช้) เอไอเอ เคยทำงานร่วมกันที่ศูนย์เหนือ
ประเสริฐเปิดห้องให้สุรพลนอน พักผ่อนก่อนงานเลี้ยงจะเริ่ม เอาแรงไว้ก่อน(..ไผนอนก่อนได้เป็นเมีย..5555)
โอ๋จักริน ก็มา ทอสอคนขับรถให้พี่ตุ้ม ปศจ.พะเยา
จ่าก็มาร่วมต้อนรับเพื่อนฝูง ตามประสาเจ้าของพื้นที่
จ่า เจริญกับสุกิจ ความจริงมีเพื่อนอีกเรามองหาได้ไม่ทั่ว เช่น หัวหน้าเด่น สัจจะ อัตตศิริ และท่านปศุสัตว์อำเภอสบเมยราชันย์ มณีธร ท่านปศุสัตว์อำเภอแม่สะเรียง รังสิทธิ ศิริคำ

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

ข้อคิดดีๆ FWmailจากartid yodkumleoให้เพื่อนๆครับ


ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา...
จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
แค่บินไปให้ถึงฝัน เท่านั้นพอ

The point...

ชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก
:
วอร์เรน บัพเฟตต์ (Warren Buffet)

มีรายการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์ วอร์เรน บัพเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก (รองจากบิล เกตส์) ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศลถึง 31 , 000 ล้านดอลล่าร์

(เป็นเงินไทยก็ราวๆ 1,000,000,000,000 อ่านว่า 1 ล้าน ล้านบาท โอ้แม่เจ้า)

ต่อไปนี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา :


1)
เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป!

2)
เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์

3)
เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด 3 ห้องนอน กลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม

4)
เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน

5)
เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก

6)
บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัท เขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ

7)
เขาให้กฎแก่ ซีอีโอ เพียงสองข้อ
กฎข้อ
1 อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย
กฎข้อ
2 อย่าลืมกฎข้อ 1

8 )
เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์

9)
บิล เกตส์ คนที่รวยที่ สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกดส์ได้พบบัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน บัพเฟตต์

10)
วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือ และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน

11)
เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า :

ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง


มหาเศรษฐีหรือยาจก
กินข้าวแล้วก็อ่ม1มื้อ เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก
มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก
มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก
จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ภาพชวนคิดติดตาม

lสิ่งธรรมดาๆที่เกิดขึ้นทั่วไป ขอแค่เพื่อนๆพอใจ ยอมรับ หยิบยื่นสิ่งดีๆให้กับชาวบ้าน เราถนัดอะไรก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุดนะครับ
ชีวิตคือการเดินทางมิว่างเว้น ละครเต้นตามวิถีมีสูงต่ำ
บทบาทอาจเศร้าสุขทุกข์ลำนำ อยู่ที่กรรมเสกสรรบันดาลดล
ภาพมันเก่าจริงๆค้นเจอวันนี้ โลกมันก็หมุนเวียนเปลี่ยนไป จากให้อิสระสำนักงานปศุสัตว์เปิดรักษาสัตว์ ถึงขั้นมีรัฐมนตรี เกษตรสมัยนั้นมาเปิดป้ายโรงพยาบาลสัตว์รักษา แต่พอผ่านไปอีกไม่กี่ปีเปลี่ยนนโยบายใหม่ไม่ให้มีการรักษา ให้การรักษาไปอยู่ที่คลินิครักษาสัตว์ แล้วไม่นานก็ยุบอำเภอทำเอาเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์เดือดร้อนอยู่กันไปเลี้ยงกันไปตามยถากรรม ตอนเริ่มยุบเสร็จสัญญาเป็นสายัญว่าจะให้ตำแหน่ง ซีแปดว่าไปโน่น สุดท้ายก็กลับมาให้มีสำนักงานปศุสัตว์อำเภออีก วนเวียนอยู่อย่าง จะเห็นว่ากรมเรานี่เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ ๒๐ กว่าปีมาแล้ว ถึงได้ตามนโยบายคนอื่นไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรใหม่ ปราบFMDปัจจุบันก็ทำกันต่อไป อิอิ บ่นจังเรา
ดูสิครับคุณเป็นใครและอยู่ตรงไหน และอะไรเกิดกับโลกกรมๆปศุสัตว์?.....อนิจจังไม่เที่ยง.....

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

The Sound Of Silence


The Sound of Silence - Simon & Garfunkel


สวัสดีความมืดเพื่อนเก่า
เรามาทักทายกันอีกหน
ภาพฝันคืบคลานมาอย่างแยบยล
เมล็ดพันธุ์ฝันหล่นฝังในจินตนาการ

ยังคงอยู่อย่างนั้น
เสียงแห่งความเงียบงันยังขับขาน
เดินลำพังในฝันอันเนิ่นนาน
ผ่านถนนแคบแอบแสงสลัวจากเสาไฟ

ห่อห่มตัวหนีห่างความหนาวชื้น
ยืนตะลึงจากแสงวาบสว่างไสว
แยกคืนและคั่นวันออกไป
และนั่นไงสัมผัสเสียงอันเงียบงัน

ผู้คนมากมายภายใต้แสงอันว่างเปล่า
ได้ยินคำบอกเล่าโดยไม่หัน
เสวนาโดยไร้คำพร่ำรำพัน
ไม่ปันเสียงประพันธ์เพลงบรรเลงใจ

ไม่มีใครกล้าส่งเสียงผ่านเสียงเพรียก
ฉันกู่ก้องร้องเรียก “ผู้ไม่รู้อะไร จะโง่ไปถึงไหน
ความเงียบงันดั่งมะเร็งกำเริบเติบโตไป
จับมือฉันไว้ ตั้งใจฟัง อาจสอนคน”

คำฉันคล้ายสายฝนหล่นเพียงแผ่ว
ดั่งเสียงแก้วหล่นร่วงจากเวหน
สะท้อนเสียงก้องกังวานผ่านเวียนวน
ไม่ผ่านพ้นห้องแห่งเสียงอันเงียบงัน

ผู้คนก้มลงกราบกล่าวภาวนา
ต่อหน้าพระเจ้าเขาสร้างฝัน
วาบแห่งแสงสัญลักษณ์จักเตือนกัน
คำแห่งความหมายนั้นหาได้จากที่ใด

ความรัักความหมายนั้นหาได้ในทุกที่
ขอแค่มีดวงใจที่เปิดไว้
บนท้องถนนหรือในห้องมองออกไป
มีอยู่ในเสียงกระซิบเพลงบทแผ่วอันเงียบงัน

.........................................

เพลงนี้ตอนแรกอยู่ในอัลบั้มเปิดตัว
ของ Simon และ Garfunkel
แต่ตอนนั้นขายได้แค่สองพันแผ่นเท่านั้น
ทั้งสองคนก็แยกย้ายกัน
หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จ

แต่ค่ายเพลงของพวกเขาเอาเพลงนี้มาืำทำใหม่
โดยใ่ส่เสียงเครื่องดนตรีเข้าไปมากขึ้น
ทำให้เพลงนี้กลับมาฮิตอย่างรวดเร็ว
Simon และ Garfunkel กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
และมีชื่อเสียงโ่ด่งดังไปทั่วโลก
ด้วยท่วงทำนองและความหมายในบทเพลง
ในหลายๆ เพลงที่พวกเขาแต่งและร้อง
อย่างเพลง Sound of the silence ก็เช่นกัน
เราสามารถแปลความหมายออกไปได้หลากหลาย
มีการตีความออกไปได้หลายๆ แบบ

นี่ก็เป็นเพลงที่ตูชอบที่สุดเพลงนึง
เพราะรู้สึกว่ามันมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ในเสียงเพลง
ก็ขอให้มีความสุขกับเสียงเพลงด้วยกันนะครับ
แล้วท่านนี้ใครเอ่ยจำกันได้ไหม?


วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันนี้ คุณทอน...ให้แม่รึยังคะ?

ทอนเงินให้แม่รึยัง?
บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
เย็นวันหนึ่ง
เจ้าเด็กชายตัวน้อย วิ่งเข้าไปหาแม่ ส่งกระดาษให้แม่ใบหนึ่ง
หลังจากแม่เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน เธอก็คลี่กระดาษใบนั้นอ่าน...

ค่าตัดหญ้า 5 บาท
ค่าทำความสะอาดห้องนอนผม 5 บาท
ค่าซื้อของให้แม่ 5 บาท
ค่าดูแลน้องชาย 5 บาท
ค่าเอาขยะไปทิ้ง 4 บาท
ค่าได้ตะแนนสอบดี 10 บาท
ค่ากวาดสนาม 5 บาท

รวมค้างชำระ 39 บาท

พอแม่อ่านจบ ก็หยิงปากกาขึ้นมา พลิกไปด้านหลัง แล้วเขียน...

เก้าเดือนที่อุ้มท้อง ไม่คิดเงิน
เวลาแม่พยาบาลลูก และสวดมนต์ให้ลูกหายไวๆ ไม่คิดเงิน
ลูกทำให้แม่ เสียน้ำตา ไม่คิดเงิน
ของเล่น ขนม น้ำนม อาหาร เสื้อผ้า พาเที่ยว ไม่คิดเงิน
แม้แต่เช็ดน้ำมูกให้ลูก แม่ก็... ไม่คิดเงิน

เมื่อรวมทั้งหมด เป็นราคาเต็มของ "ความรัก" ที่แม่ให้ลูกได้เสมอจ้ะ...


เมื่อลูกชายได้อ่านสิ่งที่แม่เขียน น้ำตา หยดโต ก็ไหลออกมา
เขาสบตาแม่ แล้วพูดว่า "แม่ครับ ผมรักแม่ที่สุดในโลก จริงๆนะครับ"
จากนั้น เขาก็เอาปากกามาเขียนตัวหนังสือโตๆว่า

แม่จ่ายหมดแล้ว..แต่ลูกยังทอนให้ไม่หมด


วันนี้ คุณทอน...ให้แม่รึยังคะ?

เมล์ดีดีจากหมอพงศพัค จิตชู อุตรดิตถ์

วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ขอแสดงความเสียใจกับคุณหมอสนั่น ไชยะ ปศอ.เมืองแม่ฮ่องสอน

ทราบข่าวทางโทรศัพท์จากคุณหมอชายน้อยแจ้งว่าคุณพ่อของหมอสนั่น ไชยะ เสียชีวิต จะมีงานฌาปณกิจในวันศุกร์ที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา ต้องขอแสดงความเสียใจกับท่านปสุสัตว์อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนด้วยนะครับ

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สะเก็ดภาพเพื่อนๆ49













ในงานประชุมโรคไข้หวัดนกที่เชียงใหม่มีเพื่อนปศุสัตว์อำเภอรุ่น49กว่า30คน ลองๆถ่ายรูปดูความแก่ของสังขาร อิอิ...อี๋,ต๋อง,เพชร,พี่หนาน,เปลี่ยว,พี่รัตเขต,สางเขียว,
อดุลย์,กัง,อาทิตย์,รังสิทธิ์,ชายน้อยจำแลง,อินสม,ถัง,นิ่ม

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ฟอร์เวิร์ดเมลล์ที่ดีที่สุดที่ผมได้รับ

มาเข้าเรื่องกันดีกว่า สำหรับฟอร์เวิร์ดเมลล์ที่ผมได้รับ ครั้งนี้มันต่างจากครั้งอื่นๆมาก เมื่อผมอ่านมันจนจบก็คิดว่ามันน่า จะมีประโยชน์กับคนอื่น เหมือนกับที่มันมีประโยชน์กับผม ซึ่งบางข้อมันก็ทำให้ผมฉุกคิดกับตัวเองถึงสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุ บัน
เรื่อง “มหัศจรรย์แห่งชีวิต ๗ หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี”
บาง ส่วนจากหนังสือ“มหัศจรรย์แห่
งชีวิต ๗ หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี” เป็นการตอบคำถาม 20 ข้อ ที่น่าสนใจมาก


๑. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน?
ไม่อยากให้เกิด ต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูก
ให้ เงินลูกน้อยๆ ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ


๒. ไหว้พระขอพรอะไรดี?
(๑) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
(๒) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
(๓) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
(๔) ขออย่าให้ตายในสงครามระหว่างคนไทยด้วยกันเอง


๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไร ดี?
ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ
ส่วนปลา ตาย มักไหลตามน้ำ
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข


๔. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน?
งานส่วนงาน แฟนส่วนแฟน
รู้จัก แบ่งเวลาให้งาน รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน
อย่าเสียงานเพราะแฟน อย่าเสียแฟนเพราะงาน


๕. โกรธ! ถูกเพื่อนนินทา?
โบราณว่าไม่มีใครเตะหมาที่ตายแล้ว
คุณ ถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย
คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์
ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง


๖. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กทำอย่างไรดี?
(๑) ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง
(๒) ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน
(๓) ถามแฟนว่าจะเลือกใครก็รีบทำ
ไม่รักฉัน อย่าทำให้ฉันเสียเวลา


๗. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร?
เขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและ ภาพลักษณ์เท่านั้น
แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจาก เราได้


๘. งานเยอะมากทำอย่างไรดี?
(๑) รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ
(๒) อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ
(๓) เรียงลำดับความสำคัญของงาน
สำคัญก่อน ให้รีบทำ สำคัญน้อยค่อยทยอยทำ


๙. ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร?
โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม
คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี
คนทำ งานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้
เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา
ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา


๑๐. ทำงานแทบตาย เงินไม่พอใช้ ทำอย่างไรดี?
(๑) หางานใหม่
(๒) ลดความต้องการให้น้อยลง อยู่กับความจริงให้มาก
(๓) บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์ อย่ามุ่งประดับ
(๔) ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอด
จ่ายมากกว่ารับนับว่า แย่


๑๑. ถูกนายด่า อารมณ์เสีย?
คนที่ด่าคนอื่นสะท้อนว่า ระบบข้างใจกำลังพัง
คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า
แสดงว่าระบบของตัว เองก็พังตามไปด้วย


๑๒. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม?
ถ้าไถ่แล้วโคอยู่รอด คุณได้บุญ
แต่หากไถ่เพื่อทำให้วัดอยู่รอด คุณได้บาป
แทนที่จะไถ่โคก ระบือ
คุณควรไถ่ตัวเองให้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ดีกว่า


๑๓. แฟนติดหนังเกาหลี ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน?
ขอให้คิดว่าอย่างน้อยเธอยัง นั่งดูอยู่ในบ้าน
ถึงเธอจะติดหนังเกาหลี ก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน


๑๔. ลูกค้าจู้จี้ทำอย่างไรดี?
1)จู้จี้ยังดีกว่าวันทั้งวันไม่มี ใครแวะเวียน
ผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน
2)ลูกค้าจู้จี้ได้ แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ
มีลูกค้า
๓) ได้ถามตัวเองว่า เรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง

๑๕. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร?
(๑) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร
(๒) ได้ถามตัวเอ??ว่า เราเกิดมาจากใคร


๖. สวดมนต์บทไหนดี?
(๑) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่า จงเป็นผู้ตื่น
(๒) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า
จง เว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ
(๓) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้
คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง

๑๗. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี?
(๑) เราควรมีธรรมะให้เขาดู
(๒) เราควรอยู่ให้เขาเห็น
(๓) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส
เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด


๑๘. โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก?
(๑) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป
(๒) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตา ให้เขาถึงที่หมายโดยปลอดภั
(๓) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน


๑๙. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม?
ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่
ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน


๒๐. ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ?
ผู้รู้บอกว่า ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์
ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบอย่างแน่นอน
มองอย่าง พินิจจะพบว่า ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

ไม่อยากให้ข้อความดีๆแบบนี้ อยู่แค่ในกล่องเมลล์ แล้ววันนึงเราก็จะลืมมันไปหวังว่ามันจะมี ประโยชน์ต่อคนที่เข้ามาอ่านบ้างนะ

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ทักทายเพื่อนปศุสัตว์อำเภอเมืองเชียงใหม่ที่โรงแรมเชียงใหม่คุ้มภูคำ

ประชุมปศุสัตว์อินทรีย์ที่เชียงใหม่ ได้พบกับ ทรงศักดิ์ ศรีอำพร และอาทิตย์ ยอดคำลือ แต่ว่าท่านอาทิตย์ไม่ทันได้ทักทายถ่ายรูปไว้ หมอเชียงใหม่มากันแว๊บๆ บ่นว่าไม่มีห้องพักให้จะอยู่นานไปทำไม
หมออ้วนบอกว่าเพิ่งไปส่งลูกเข้าหอเรียนมหาลัยที่กรุงเทพมา คงจะห่างราชประสงค์ถึงได้กลับมาอย่างปลอดภัยครับ

วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553

คำแนะนำดีๆจากFWmail








ได้ผลหรือไม่อย่างไรคง ต้องทดลองเอง สงสัยจะไม่ไหว อิอิ ตายเสียก่อนแน่เลย ยังไงก็ทราบไว้ประดับความรู้ก็ได้ครับ