


หลับหื้อได้เงินหมื่นตื่นหื้อได้เงินแสน( แต่..สุรพล มักน้อยพอเพียงขอเป็น ปศต. ห้าพันปอละ....)


นายอำนาจ พุฒทองผอ.กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเทศบาลเมืองชุมแสง อ.ชุมแสงจ.นครสวรรค์ 60120Tel,Fax.056-282160
ภาพชุดที่ ๒ ครับบนแพกลางคืน คลิกดูเลยครับ
ภาพชุดที่ ๓ ขากลับจากแก่งสร้อยขึ้นฝั่งแยกย้ายกลับบ้าน
และภาพชุดหวานซึ้งจากฝีมือลั่นชัตเตอร์หมอดวงจันทร์ครับผม
ภาพการเดินทางไปกราบครูบาชัยยะวงศาพัฒนาที่วัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน สรีระสังขารของครูบาวงศ์ท่านยังคงสภาพเดิมอย่างงดงามไม่เน่าเปื่อย เมื่อครั้งหลวงปู่ยังมีชีวิต ท่านได้ชื่อว่าเป็นครูบาอาจารย์รูปหนึ่งที่มีพระธาตุมาก และ ในพระวิหารของครูบาวงศ์นี้ก็มีพระธาตุอยู่มากมายให้พวกเราได้กราบและชื่นชม
ตู้พระธาตุของครูบาชัยยะวงศาพัฒนา มีทั้งหินพระธาตุที่มีพระธาตุของพระปัจเจกพุทธเจ้า และ พระอรหันตธาตุฝังอยู่ พระธาตุพระสีวลี และ พระอรหันตธาตุองค์อื่นๆอีกมากมาย
จะสังเกตุเห็นได้ว่าหินพระธาตุที่แกะสลักเป็นรูปพระสมเด็จนั้น องค์พระธาตุงอกขาวคลุมเต็มไปหมดอย่างชัดเจน
องค์พระธาตุพระสีวลีงอกออกมามากมายเห็นเป็นก้อนขาว
จะเห็นได้ว่าองค์พระธาตุมีลักษณะเป็นชั้นๆซ้อนกันอยู่ซึ่งก็คือลักษณะการงอกเพิ่มขนาดขององค์พระธาตุที่จะขยายออกด้วยก็งอกเป็นชั้นๆอย่างที่เห็นได้ในภาพ
รอยพระพุทธบาทห้วยต้ม ในวิหารครอบรอยพระพุทธบาท ที่ครูบาชัยวงศาพัฒนาใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 34 ปี
ตามประวัติกล่าวว่า เมื่อครั้งพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดเวไนยสัตว์ในที่ต่างๆ ครั้งหนึ่งพระองค์เสด็จมาถึงดงไม้ตาลแล้วขึ้นประทับบนจอมดอยแห่งหนึ่ง เรียกว่าดอยนางพี่ได้ประทานพระเกศาธาตุ 1 เส้นให้พวกละว้าที่มาเฝ้าอยู่ ณ ที่นั้นบรรจุไว้ในพระเจดีย์ ต่อมาเรียกว่า ดอยนางนอนจอมแจ้ง (เพราะเสด็จมาถึงที่นั่นตอนรุ่งเช้า) ต่อมามีพญาเมืองเถิน พ่อฤาษีและหมอพรานอีก 8 คนหาบเนื้อสดเดินมาพบเข้าไม่มีอะไรจะถวายจึงเอาเนื้อมาถวาย พระพุทธองค์ก็ไม่ฉันพวกพรานจึงเอาเนื้อไปกองรวมกันไว้ พวกละว้าที่อยู่ในบริเวณนั้นจึงไปต้มข้าวมาถวาย สมเด็จพระจอมไตรจึงทรงรับมาฉันและให้ศีลให้พรพวกละว้า พระพุทธองค์จึงทรงประทับรอยพระบาทไว้และทรงรับสั่งว่า "ถ้าผู้ใดปฏิบัติได้ตามที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนก็เหมือนอยู่ใกล้ ถ้าไม่ปฏิบัติก็เหมือนอยู่ไกล" จากนั้น จึงทรงประทานนามที่นั่นว่า "ห้วยต้มข้าว" ต่อมาเรียกเพี้ยนมาเป็น "ห้วยต้ม" ซึ่งเป็นชื่อวัดพระพุทธบาทห้วยต้มในปัจจุบัน
พระเจดีย์สำหรับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุภายในวัด
บ้านห้วยต้มเป็นหมู่บ้านของชาวเขาเผ่าปกาเกอะญอหรือกะเหรี่ยงทั้งหมด 600 หลังคาเรือนมีคนอาศัยอยู่เกือบ 3,000 คนซึ่งพวกเขาได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านห้วยต้มเมื่อปี 2514 หลังจากที่ราชการ สร้างเขื่อนยันฮี หรือ เขื่อนภูมิพล ขึ้น ชาวเขาเหล่านี้ไม่มีที่ทำกิน การอพยพเข้ามาอยู่ในระยะแรกมีความยากลำบากมาก เพราะพื้นที่บางส่วนเป็นหินศิลาแลง และสภาพทั่วไป มีความแห้งแล้ง ชาวกะเหรี่ยงบางคนไม่สามารถทนอยู่ได้ต้องอพยพไปอยู่ในที่ใหม่ พวกที่ทนอยู่ได้ก็ตั้งหน้าทำงานต่อสู้กับอุปสรรคอันแห้งแล้งของธรรมชาติ
ครูบาชัยยะวงศาพัฒนาหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ครูบาวงศ์ ท่านเป็นผู้หนึ่งซึ่งมีส่วนสำคัญในฐานะที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านห้วยต้ม ท่านสามารถสอนธรรมะให้กับชาวเขาทั้งหมดในหมู่บ้านเลิกฆ่าสัตว์เพื่อกินเนื้อ และ เป็นผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ทุกชนิดตามอย่างครูบาวงศ์ นอกจากนั้นท่านยังเป็นพระนักพัฒนาและนักก่อสร้างอีกด้วย ชีวิตในวัยเยาว์ของท่านมีความลำบากยากแค้น ท่านเคยเล่าว่าเมื่อายุประมาณ 3 ขวบท่านชอบเอาดินมาปั้นแต่งเป็นบ้าน ปั้นวัว ปั้นควายและพระพุทธรูป เอาข้าวเปลือกมตบแต่งเป็นพระเนตรแล้วก็กราบไหว้เอง จนเมื่ออายุได้ประมาณ 6 ปีพอที่จะช่วยโยมพ่อทำงานได้ มีอยู่ครั้งหนึ่งโยมพ่อพาลูกๆออกไปทำไร่ โยมแม่ได้นำอาหารกลางวันมาส่งให้ หลังจากที่กินอาหารเรียบร้อยแล้วโยมพ่อจึงอบรมสั่งสอนลูกๆว่า "ตอนนี้พ่อแม่ก็อดลูกทุกคนก็อดแต่ทุกคนอย่าท้อแท้ใจ ค่อยทำบุญไปเรื่อยๆ บุญมีภายหน้าก็จะสบาย"
บริเวณพระเจดีย์ชเวดากอง(จำลอง) ที่ครูบาชัยยะวงศาท่านได้ริเริ่มก่อสร้างขึ้น พระเจดีย์นี้มีความงดงามอย่างยิ่งพรั่งพร้อมไปด้วยศรัทธาของชาวบ้านที่จัดเวรยามเฝ้าพระเจดีย์อย่างดีและคอยเตือนให้สาธุชนที่จะเข้าไปกราบพระธาตุเจดีย์ไม่นำเนื้อสัตว์และเครื่องดองของเมาใดๆเข้าไปในเขตพระเจดีย์อย่างเข้มแข็ง
ความงดงามในยามเย็นที่เราได้เข้าไปกราบพระธาตุเจดีย์อันงดงามที่ประดิษฐานอยู่ท่ามกลางป่าเขาอันห่างไกล แต่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาจากเหล่าสาธุชนที่ได้มาร่วมก่อสร้างพระเจดีย์แห่งนี้ ดังที่จะเห็นได้จากความงดงามที่ไม่อาจบรรยายได้เป็นตัวอักษร ที่เห็นอยู่นี้ ยังความปลื้มปิติ และ ความสุขอันสงบยิ่งในใจของทุกคนที่ได้มาเยือนวัดพระบาทห้วยต้มในครั้งนี้
จากแผนที่เพื่อนต้องวางแผนการเดินทางให้ดีนะครับหากมาจากเขต๖ ก็เข้าที่อำเภอเถินนะครับ ส่วนทางลำปางจะเข้าที่เกาะคาก็ได้ เชียงใหม่ เชียงรายก็เข้าทางลำพูน แม่ฮ่องสอนก็ลัดออกทางฮอดเข้าดอยเต่าทะลุลี้ไปเล้ย..
แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์กิจกรรมของสัตว์แพทย์ รุ่น 49
เพื่อนสัตว์แพทย์ รุ่น 49 กรมปศุสัตว์ ทุกท่าน ในวันที่ 11 ธันวาคม 2553 เชิญพบปะสังสรรค์ ที่จังหวัดลำพูน ณ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง ตำบลก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน พาครอบครัว มาพักผ่อน ท่องเที่ยวชมธรรมชาติ ท่ามกลางหุบเขา ชมทะเลหมอกยามเช้า ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ความสวยงามตาม ธรรมชาติ ที่ท่านจะประทับใจไม่มีวันลืม...
แพยนต์ นี้ มีความกว้างขวาง ห้องน้ำ ห้องนอน และห้องจัดเลี้ยงสังสรรค์ และมีคาราโอเกะและพร้อมด้วยการอำนวยความสะดวกอย่างพร้อมเพียง แพยนต์นี้มีความสามารถบรรทุกคน ได้ประมาณ 250 คน มีความปลอดภัยสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
รายการอาหาร
มีอาหารให้ทุกท่าน 3 มื้อ
1 มื้อเย็นที่ 11 ธันวาคม 53
2. มื้อเช้าที่ 12 ธันวาคม 53
พร้อม กาแฟ, โอวัลติน
3. มื้อกลางวันที่ 12 ธันวาคม 53
ค่าใช้จ่าย
- ครอบครัวละ ประมาณ 2,000 – 2,500 บาท
ระยะเวลาแพยนต์
- จากฝั่ง ถึง อุทยานแก่งสร้อย ใช้เวลา 3 ชั่วโมงครึ่ง
- จากอุทยานแก่งสสร้อย ถึง ฝั่ง ใช้เวลา 4 ชั่วโมง
จุดรวมพล
- ก่อนเที่ยงวัน ที่ เจดีย์ ชะแวงดากองจำลอง ( พระเจดีย์ศรีปิงชัย)
อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน วันที่ 11 ธันวาคม 2553 เวลา 13.30 น เคลื่อนที่ออกจากจุดนัดรวมพล ถึงอุทยานแห่งชาติ ตำบล ก้อ เวลา ประมาณ 14.20 น
ลงแพ
เวลา 15.00 น ถึง 15.30 น
แพเคลื่อนออกจากฝั่ง
เวลา 15.30 น เดินทางไป อุทยานแห่งชาติ แก่งสร้อย ถึง เวลาประมาณ 19.00 น ช่วงเวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงครึ่ง ให้ทำธุระส่วนตัว ตามสะดวก